Thailand Radio Station, Khon Kaen Province
FM 99.50 MHz
ที่กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 3 จังหวัดขอนแก่น (บก.สอท.3) พ.ต.ต.โรจน์ เสาทอง สว.(สอบสวน) กก.1 สอท.3 ได้มีประชาชนผู้ที่ถูกหลอก ทั้งจากพื้นที่ จ.ขอนแก่น , ชัยภูมิ และกรุงเทพฯ เดินทางเข้าแจ้งความเอาผิดกับกลุ่มบุคคลที่ชักชวน ให้ลงทุนผ่านแอปพลิเคชัน ซื้อขายสินค้าออนไลน์ สินค้าอุปโภคบริโภค และอื่น ๆ เชื่อมต่ออย่างไร้ขีดจุด โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบเอกสารพยานหลักฐานและสอบปากคำผู้เสียหายตามขั้นตอน
นางอรปรียา แก้วพูล อายุ 53 ปี อยู่บ้านบ้านเลขที่3/43 แขวงและ เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ กล่าวว่า หลังจากที่สามีถูกคนรู้จักกันชักชวนให้เข้าร่วมลงทุนซื้อสินค้าในรูปแบบเป็นเหรียญออนไลน์ และให้ลงทุนเปิดร้านขายสินค้า ตามขนาดร้านที่ต้องการเปิด เช่น ร้านขนาดเล็ก จำนวนเงิน 30,000 บาท ไปจนถึงขนาดใหญ่ จำนวนเงิน 120,000 บาท โดยบริษัทฯดังกล่าว อ้างว่า หากลงทุนซื้อเหรียญในร้านออนไลน์ยิ่งซื้อมากจะได้เงินปันผลจากการซื้อสูง หรือหากซื้อเป็นร้านค้าก็จะได้เงินปันผลสูงเช่นกัน อีกทั้งบริษัทได้จัดโปรโมชัน ว่าจะได้ค่าตอบแทนเพิ่มเป็น 2 เท่า และแบ่งจ่ายให้ทุกสัปดาห์
“...แรกเริ่มคุยกันเรื่องการลงทุนเปิดร้านสะดวกซื้อ แต่ต้องประสบปัญหาโควิด-19 จึงต้องพับโครงการไว้ก่อน ผู้ชักชวนจึงแนะนำให้สมัครเป็นสมาชิก ลงทุนซื้อสินค้าเริ่มต้นในราคาชุดละ 1,200 บาท ได้สินค้ามา 1 ชุด มีทั้งกาแฟ น้ำยาปรับผ้านุ่ม สินค้าอุปโภค บริโภค จากนั้นผ่านไป 1 สัปดาห์ ทางบริษัทฯ อ้างว่า งบโฆษณาที่เราซื้อสินค้า 1,200 บาทนั้น ได้ปันผลคืนกลับมา 1,500 บาท ซึ่งถือว่าเป็นหารได้กำไรจากการลงทุนชุดละ 300 บาทต่อ 1 สัปดาห์ จึงมองว่าเป็นผลตอบแทนที่ดี จึงได้เริ่มชักชวนคนในครอบครัวมาร่วมลงทุน ซึ่งเฉพาะครอบครัวของตนเองนั้น ลงทุนไป 4 คน เป็นเงินรวมกว่า 12 ล้านบาท แรกๆได้รับเงินปันผล และสั่งซื้อสินค้าได้สินค้าตามที่สั่ง จึงเริ่มชักชวนคนรู้จักให้มาร่วมลงทุนด้วย.."
นางอรปรียาฯ กล่าวต่ออีกว่า ในระยะแรกของการลงทุนนั้นได้รับผลตอบแทนจริง จากนั้นจึงตัดสินใจลงทุน ด้วยการซื้อแหวนเพชรทั้งหมดรวม 6 วง ซึ่งเป็นการสั่งซื้อล่วงหน้า เพื่อสั่งผลิตแหวนตามขนาดที่ต้องการ แต่ไม่เคยเห็นแหวนเพชรที่สั่งซื้อ จนกระทั่งเดือนสิงหาคม 2564 ทั้งการปันผล และการสั่งซื้อแหวน เริ่มมีปัญหา ไม่ได้รับเงินปันผล เมื่อทวงถามทางบริษัทอ้างว่าอยู่ระหว่างพัฒนาปรับปรุงแอปพลิเคชั่น และปรับปรุงยังไม่เสร็จสมบูรณ์ จนกระทั่งเดือนกันยายน 2564 มีสัญญาณชัดเจน คือ บริษัทได้หยุดดำเนินการ ไม่สามารถติดต่อได้ และไม่ทราบว่ามีใครเป็นเจ้าของ แล้วได้มีประกาศทางระบบตอบกลับอัตโนมัติว่าบริษัทฯ ขอเลื่อนการจ่ายปันผล ซึ่งก็เลื่อนการจ่ายมาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งล่าสุดบริษัทฯระบุว่าจะจ่ายในเดือนมกราคม 2565 แต่ก็ยังไร้วี่แวว จึงเชื่อว่าถูกบริษัทหลอกให้ลงทุน จึงได้สอบถามกลุ่มนักลงทุนด้วยกันซึ่งพบว่าถูกบริษัทฯกระทำในลักษณะเดียวกันเช่นกัน จึงรวมตัวกันเดินทางมาร้องเรียนและแจ้งความดำเนินคดี และจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีมูลค่าความเสียหายแล้วกว่า 88 ล้านบาท
ขณะที่ นางสาวกชกร วิสัยหมั่น อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 299/127 ม.7 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ชัยภูมิ กล่าวว่า มีเพื่อนบ้านแนะนำให้มาซื้อสินค้าผ่านแอปพลิเคชัน ซึ่งในเบื้องต้นยอมรับว่าดีกว่าซื้อสินค้าตามท้องตลาด เพราะได้เหรียญที่สามารถไปแลกเป็นเงินคืนได้ ประกอบกับที่ผ่านมาโควิดระบาดหนัก ครอบครัวหารายได้อย่างยากลำบาก จึงตัดสินใจลงทุนไปเพราะว่าเป็นการซื้อสิ้นค้าที่มีกำไรและได้สินค้ามาใช้ด้วย
"...ครั้งแรกเมื่อเดือนมิถุนายน 2564 ได้ลองสั่งซื้อของครั้งแรกด้วยเงิน 12,000 บาท ภายไป 1 สัปดาห์ ได้กลับมา 15,000 บาท พร้อมกับสินค้าอีก 10 ชุด พอเดือนสิงหาคม 2564 จึงตัดสินใจลงทุนไป 90,000 บาท และของแฟนอีก 60,000 บาท ก็ยังไม่ได้รับสินค้าหรือเงินปันผล สอบถามบริษัทฯก็ได้รับคำตอบว่า ธนาคารยังปล่อยเงินให้ไม่ได้ และหากสอบถามเข้าไปในบริษัทฯหรือระบบไลน์กลุ่มของบริษัท ก็จะถูกลบออกจากกลุ่มและไม่ได้รับเงินที่ลงทุนไปกลับคืน จึงตัดสินใจรวมตัวกันกับผู้เสียหายในหลายจังหวัดของภาคอีสานเข้าร้องเรียนและแจ้งความดำเนินคดีเอาผิดกับบริษัทฯดังกล่าว กับตำรวจไซเบอร์ ตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป..."
ข้อมูลข่าวและที่มา
ผู้สื่อข่าว : เพชรรัตน์ วังระหา
ผู้เรียบเรียง : ธัญญารัตน์ ธีรหิรัญวัฒน์
แหล่งที่มา : สวท.ขอนแก่น
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220118132703411