Thailand Radio Station, Khon Kaen Province
FM 99.50 MHz
ที่ไร่สาธิตคณะเกษตรศาสตร์ หมวดวิชาพืชไร่ แปลงที่ A11 นายณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม พร้อมด้วย ศ.ดร.ธิดารัตน์ บุญมาศ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น,รศ.ดร.ธงชัย สุวรรณสิชณน์ รองผู้อำนวยการด้านบริหารงานวิจัย หน่วยบริหารละจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ หรือ บพข. ลงพื้นที่ชมการสาธิตนวัตกรรมใหม่ เครื่องผสมผสมสารอัตโนมัติ โดรนฉีดพ่นอัจฉริยะ และชุดติดตามการทำงานของเครื่องจักรกล ซึ่งเป็นผลงานวิจัยร่วมระหว่าง กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม, บพข.,มข. และบริษัทเอกชน สำหรับการใช้ในภาคอุตสาหกรรมการเกษตรประเภทอ้อย ท่ามกลางความสนใจจากนักวิชาการและเกษตรกรเข้าร่วมชมการสาธิตผลงานวิจัยดังกล่าวเป็นจำนวนมาก
นายณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมหรือดีพร้อม (DIPROM) ได้กำหนดแผนงานด้านการส่งเสริมและพัฒนาเกษตรอุตสาหกรรม โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาล ซึ่งเป็นกลไกในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งปัจจุบันพบว่าชาวไร่อ้อยกำลังเผชิญกับปัญหาที่ไม่สามารถควบคุมคุณภาพรวมถึงปริมาณในการเก็บเกี่ยวได้ ประกอบกับปัญหาเรื่องคุณภาพของอ้อยที่ต่ำกว่าเกณฑ์และมีความหวานไม่คงที่ ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตต่อตันสูงขึ้น ซึ่งประเด็นดังกล่าวทำให้ขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลลดลง กรมฯ จึงได้นำนวัตกรรมเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามามีบทบาทในการพัฒนาการเกษตรของไทยให้เป็นสมาร์ทฟาร์มเมอร์ ผ่านการพัฒนาและวิจัยเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เหมาะสมมาเพิ่มผลผลิตและลดต้นทุนทั้งในด้านวัตถุดิบและเวลาให้กับภาคการเกษตร รวมถึงบูรณาการระหว่างภาครัฐและเอกชน จนนำไปสู่ผลงานวิจัยแพลตฟอร์ม บริการ FPS หรือ Field Practice Solution ขึ้นได้อย่างสำเร็จ ซึ่งแพลตฟอร์มดังกล่าวสามารถที่จะประมวลผลเพื่อสร้างแผนที่ผลผลิตและแผนที่การระบาดของโรคพืชจากภาพถ่ายทางอากาศ มีระบบประมวลผลเพื่อสร้างฐานข้อมูลในระบบภูมิสารสนเทศจากแผนที่ผลผลิต
ขณะเดียวกันยังคงมีระบบผสมผสารและบรรจุลงถังแบบบรรจุอัตโนมัติสำหรับโดรน ระบบฉีดพ่นสารเคมี แบบแปรผันอัตโนมัติติดตั้งบนโดรนชุด Mobile-KIT และ Mobile Application สำหรับระบุพิกัดแปลงและติดตามกิจกรรมในแปลง รวมทั้งระบบ AI สำหรับเสนอแนะแผนการทำงาน บันทึกและแสดงผลการทำงานของเครื่องจักรกลเกษตร และแนะนำการให้ปุ๋ยแบบแม่นยำสูงรายแปลงอัตโนมัติ ซึ่งระบบจะช่วยเรื่องการตัดสินใจในงานบำรุงรักษาเก็บเกี่ยวและเชื่อมโยงกับระบบตรวจวัด รวมทั้งมีระบบที่จะสามารถรองรับคำสั่งเพื่อให้เกิดการปรับการปฎิบัติงานในฟาร์มไปตามแผนงานใหม่ ครอบคลุมตั้งแต่กระบวนการออกแบบแปลงการปลูก การบำรุงรักษาและอารักขาพืช รวมทั้งการเก็บเกี่ยวและการขนส่ง และสามารถปรับรูปแบบตามความต้องการของผู้ใช้บริการแต่ละรายหรือพืชแต่ละชนิด และเมื่อนำมาทดสอบการใช้กับอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาล สามารถช่วยลดต้นทุนการผลิตได้มากกว่าร้อยละ 20 หรือคิดเป็นประมาณ 50 ล้านบาทต่อปีต่อโรงงาน
รศ.ดร.ขวัญตรี แสงประชารักษ์ อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมเกษตร คณะวิศวกรรมศาสตร์ มข. กล่าวว่า เกษตรกรที่ปลูกอ้อยทราบถึงปัญหาเรื่องต้นทุนการผลิตและต้องการลดรายจ่ายแต่ปัญหาคือที่ผ่านมายังไม่มีเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมใดๆ ที่เข้ามาช่วยเกษตรกรประเมินความเสี่ยงในการลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิตในไร่อ้อยได้อย่างแม่นยำ จึงได้ทำการวิจัยและพัฒนาร่วมกับภาคเอกชนเพื่อพัฒนาระบบวิเคราะห์และแปลผลภาพถ่ายทางอากาศที่ได้จากอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน เพื่อนำข้อมูลที่จำเป็นไปสู่ขั้นตอนของการวิเคราะห์ และวางแผนการผลิต เพื่อลดความเสี่ยงในการจัดการไร่อ้อยของเกษตรกรหรือผู้ประกอบการ โดยร่วมกับทีมวิจัยของ บพข.,บริษัท เอชจี โรโบติกส์ จำกัด ที่มีความเชี่ยวชาญด้านระบบ AI และ บ.โกลบอล ครอปส์ จำกัด ด้วยการนำโดรนมาใช้ในการสำรวจเพื่อให้เกิดการแก้ปัญหาให้ตรงจุดตามหลักเกษตรแม่นยำ ซึ่งจากผลการทดสอบสามารถที่จะลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิตจาก 10 ตันต่อไร่เป็น 12 ตันต่อไร่ ได้อีกด้วย
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
ข้อมูลข่าวและที่มา
ผู้สื่อข่าว : เพชรรัตน์ วังระหา
ผู้เรียบเรียง : สุนทรี ทับมาโนช
แหล่งที่มา : สวท.ขอนแก่น
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220623204823815