พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) เป็นประธานในพิธีเปิดที่ทำการ (ชั่วคราว) กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 3 อาคารเลขที่ 177/49 ม. 17 ถนนมิตรภาพ ต.ในเมือง อ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น
พล.ต.ต.ออมสินตรา รุ่งเรือง ผบก.สอท.3 กล่าวว่า การเปิดที่ทำการฯ ในครั้งนี้สอดคล้องตามนโยบายของ รัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการจัดตั้งกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพื่อเป็นการอำนวยความยุติธรรม ในคดีที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางไซเบอร์ การสนับสนุนข้อมูล ประสานความร่วมมือ กับตำรวจภูธรภาคในพื้นที่ ซึ่งดูแลรับผิดชอบพื้นที่เป็นหลัก และการให้บริการประชาชน ลดภาระการเดินทาง โดยกองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 3 หรือสอท. 3 มีพื้นที่รับผิดชอบ 20 จังหวัด ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยการตั้งที่ทำการ (ชั่วคราว) กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 3 เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินการ ให้ความสะดวกแก่ประชาชนในพื้นที่ที่รับผิดชอบ บริการประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อหรือผู้เสียหายจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจน ให้ความรู้ให้กับประชาชน และส่วนราชการอื่น ๆ เกี่ยวกับแนวโน้ม หรือสถานการณ์ที่น่าสนใจด้านเทคโนโลยีโดยมีวัตถุประสงค์ที่จะป้องกันไม่ให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อของอาชญากรไซเบอร์ที่นับวันได้เพิ่มความรุนแรงมากขึ้น
ด้าน พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผบช.สอท. เปิดเผยว่า กล่าวว่า กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 3 ได้เริ่มเปิดให้บริการประชาชน มาตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 64 โดยเริ่มให้ พนักงานสอบสวนมาเข้าเวร คอยรับแจ้งเหตุหรือให้คำปรึกษาประชาชน ที่ได้รับความเดือดร้อนเกี่ยวกับความผิดที่เกิดขึ้นในสื่อสังคมออนไลน์ยุคปัจจุบัน โดยจะทำงานร่วมกันอย่างคู่ขนานกับสถานีตำรวจ ในการสนับสนุนข้อมูลทางการสืบสวนสอบสวนหรือวิเคราะห์สืบค้นให้รู้ตัวคนร้าย และรับผิดชอบคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่สำคัญ ๆ ซึ่งจะมีการประสานงานกับสถานีตำรวจท้องที่เกี่ยวกับคดีประเภทไหน อย่างไร เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนมากที่สุด โดยการกระทำความผิดที่อยู่ในความรับผิดชอบของ บช. สอท. เช่น พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ , กฎหมายว่าด้วยการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ รวมถึงบางฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา เช่น ฉ้อโกง หรือการครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็ก และยังมีพ.ร.บ. อื่น ๆ อีกที่ความผิดโทษทางอาญา โดยการยึดหลักเกณฑ์ ตามคำสั่ง ตร.ที่ 287/2554 ลง 18 มิ.ย. 64 เรื่องการรับคำร้องทุกข์หรือคำกล่าวโทษ และการสอบสวนคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ที่กำหนด เช่น คดีที่มีมูลค่าความเสียหายตั้งแต่ 10 ล้านขึ้นไป และมีผู้เสียหายตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป หรือคดีที่มีมูลค่าความเสียหาย 30 ล้านขึ้นไป หรือมีผู้เสียหาย 50 คนขึ้นไป รวมทั้งการกระทำความผิดเป็นรูปขบวนการหรือกลุ่มบุคคล หรือมีลักษณะเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ เป็นต้น ส่วนคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีทั่วไป ทางสถานีตำรวจท้องที่สามารถดำเนินการให้บริการประชาชนได้ โดยสามารถร้องขอให้ บช.สอท. สนับสนุนช่วยเหลือข้อมูลการสืบสวนทางเทคโนโลยี เช่น การระบุที่อยู่หรือตัวผู้กระทำความผิด หรือข้อมูลการสืบสวน ซึ่งคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีส่วนใหญ่ที่พบมากที่สุดตอนนี้ คือฉ้อโกงซื้อของทางออนไลน์ แล้วก็เป็นความผิดประเภทอื่น ๆ เช่น หลอกให้กู้เงินทางออนไลน์, scam ต่าง ๆ ทั้ง romance Scam และ hybrid scam, หมิ่นประมาททางสื่อสังคมออนไลน์, หลอกกู้เงินทางออนไลน์, เผยแพร่ภาพลามกทางสื่อโซเชียล เป็นต้น
ทั้งนี้ บช. สอท. ได้สนับสนุนข้อมูลให้กับหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนประชาชนที่เกิดจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งที่ผ่านมาก็มีผลการจับกุมความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางไซเบอร์ประเภทต่าง ๆ มาโดยตลอด เช่น หลอกขายของออนไลน์ ขายอาวุธปืนออนไลน์ เผยแพร่สื่อลามก การพนันออนไลน์ ฯลฯ และการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ โดยการฉีดวัคซีน ภูมิคุ้มกันอาชญากรรมทางไซเบอร์ ให้แก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจในการป้องกันภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ตามวิสัยทัศน์ของกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ที่ว่า “เป็นองค์กรสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมไซเบอร์อย่างมืออาชีพที่ประชาชนเชื่อมั่นและศรัทธา” และคำขวัญมุ่งมั่นของหน่วยงาน “CYBER COP ANTI CYBER”
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG211112162343073